บริการตรวจเช็คระบบไฟรถยนต์ นอกสถานที่ หากรถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติด พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลฯ ภายใน 20-30 นาที การตรวจเช็ค ระบบไฟรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับการสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบส่องสว่าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถ ต่อไปนี้คือ วิธีตรวจเช็คระบบไฟรถยนต์อย่างเป็นขั้นตอน
1. ตรวจเช็ค “แบตเตอรี่”
อาการผิดปกติ: สตาร์ทยาก ไฟหน้ามืด เครื่องยนต์หมุนช้า
วิธีตรวจ:
-
ดูด้วยตาเปล่า: ตรวจขั้วแบตเตอรี่ว่ามีคราบขาวหรือสนิมไหม (ถ้ามีให้ทำความสะอาด)
-
วัดแรงดันแบตเตอรี่ด้วยมัลติมิเตอร์ (Multimeter):
-
ปิดเครื่องยนต์ → ค่าปกติควรอยู่ที่ 12.4–12.8V
-
สตาร์ทเครื่อง → ค่าควรอยู่ที่ 13.8–14.5V
-
ถ้าต่ำกว่า 12V = แบตอ่อน
-
ถ้าสูงกว่า 15V = ไดชาร์จอาจจ่ายไฟเกิน
-
2. ตรวจเช็ค “ไดชาร์จ (Alternator)”
หน้าที่: สร้างกระแสไฟฟ้าป้อนกลับเข้าแบตเตอรี่และระบบรถ
วิธีตรวจ:
-
ขณะสตาร์ทเครื่อง ให้เปิดไฟหน้า → ถ้าไฟสว่างขึ้นเมื่อเร่งเครื่อง = ไดชาร์จปกติ
-
ถ้าไฟไม่เปลี่ยนหรือดับเมื่อเร่งเครื่อง = ไดชาร์จมีปัญหา
-
ตรวจด้วยมัลติมิเตอร์ → แรงดันขณะติดเครื่องควรอยู่ระหว่าง 13.8–14.5V
3. ตรวจเช็ค “สายไฟและกราวด์ (Ground)”
อาการผิดปกติ: ระบบไฟรวน ไฟกระพริบ หรือไม่เสถียร
วิธีตรวจ:
-
ตรวจสายไฟว่ามีรอยแตก หลวม หรือไหม้หรือไม่
-
ตรวจจุดต่อกราวด์ (สายสีดำที่ต่อกับตัวถังรถ) ให้แน่นและสะอาด
-
ใช้น้ำยา Contact Cleaner ทำความสะอาดจุดต่อ
เครื่องมือที่ใช้
- มัลติมิเตอร์ (Digital/Analog Multimeter)
-
ประแจหรือคีมถอดขั้วแบตเตอรี่
-
ไขควง
-
น้ำยา Contact Cleaner
-
ฟิวส์สำรอง
ข้อมูลอ้างอิงจาก ตรวจเช็คระบบไฟรถยนต์ – ร้านแบตเตอรี่ ภูเก็ต